พืชผักสวนครัว

พืชผักสวนครัว 10 พืชที่ปลูกง่ายออกผลผลิตดีที่สุด

พืชผักสวนครัว คือ พืชที่สามารถนำส่วนใดส่วนหนึ่งของต้นมาประกอบอาหารได้ทั้งผล ดอก ลำต้น ใบ ราก และหัว เป็นทั้งไม้ยืนต้น และไม่ล้มลุกที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศ และต่างประเทศ พืชผักสวนครัว มีประโยชน์ต่อร่างกายหลายประการ เช่น เป็นแหล่งของวิตามิน เกลือแร่ และใยอาหาร ช่วยบำรุงร่างกาย เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และป้องกันโรคต่างๆ นอกจากนี้ พืชผักสวนครัว ยังช่วยเพิ่มรสชาติและความน่ารับประทานให้กับอาหารอีกด้วย การปลูกผักสวนครัวสามารถทำได้ง่าย ๆ ที่บ้าน โดยใช้พื้นที่จำกัด เช่น กระถาง หรือแปลงปลูกขนาดเล็ก การปลูกผักสวนครัวนอกจากจะช่วยให้เราได้ผักสดใหม่ปลอดสารพิษมาบริโภคแล้ว ยังเป็นการช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซื้อผักอีกด้วย เรามาดูกันดีกว่าว่า ผักที่น่าปลูกและออกดอกออกผลผลิตดี มีอะไรบ้าง

พืชผักสวนครัว

ถั่วงอก

ถั่วงอก คือ ต้นถั่วอ่อนที่งอกจากเมล็ดถั่วต่างๆ เช่น ถั่วเขียว ถั่วดำ ถั่วเหลือง ถั่วลันเตา เป็นต้น ถั่วงอกเป็นผักชนิดหนึ่งและมีคุณค่าทางอาหารสูง นอกจากนี้การ ปลูกถั่วงอก ยังมีรายได้ดี และเป็นที่นิยมรับประทานในประเทศไทย เช่น ถั่วงอกหัวโต และถั่วงอกธรรมดา ถั่วงอกหัวโตมีรสชาติมันและกรุบกรอบ ส่วนถั่วงอกธรรมดามีรสชาติอ่อนกว่า ถั่วงอกนิยมรับประทานเป็นผักเคียงในอาหารต่างๆ เช่น ก๋วยเตี๋ยว ยำ ลาบ เป็นต้น นอกจากนี้ยังนิยมนำมาประกอบอาหาร เช่น ผัดถั่วงอก ต้มยำถั่วงอก

วิธีการเพาะถั่วงอก

  1. ล้างเมล็ดถั่วให้สะอาด
  2. แช่เมล็ดถั่วในน้ำสะอาดทิ้งไว้ประมาณ 6-8 ชั่วโมง
  3. ใส่เมล็ดถั่วลงในภาชนะที่มีรูระบายน้ำ ปิดฝาภาชนะด้วยผ้าขาวบางชุบน้ำหมาดๆ
  4. รดน้ำให้ชุ่มวันละ 2-3 ครั้ง
  5. ถั่วงอกจะงอกภายใน 3-4 วัน
พืชผักสวนครัว

ผักสลัด

ผักสลัด หรือ ผักกาดหอม เป็น พืชผักสวนครัว ล้มลุกในวงศ์ Asteraceae มีถิ่นกำเนิดในทวีปเอเชียและยุโรป ลำต้นเตี้ย แต่ส่วนที่เจริญมากที่สุดคือใบ แต่ละสายพันธุ์ก็มีช่วงฤดูกาลที่เหมาะสมไม่เหมือนกัน ผักสลัดเป็นผักที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง อุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และใยอาหาร มีส่วนช่วยในการบำรุงร่างกาย ป้องกันโรคต่างๆ เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน และโรคมะเร็ง ผักสลัดเป็นผักที่ปลูกง่าย สามารถปลูกได้ทั้งในแปลงปลูกและกระถาง ผักสลัดมีหลากหลายสายพันธุ์ให้เลือกปลูกตามความต้องการ

วิธีการเพาะผักสลัด

  1. เตรียมดินให้ร่วนซุยและระบายน้ำได้ดี
  2. ใส่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกลงในดิน
  3. หว่านเมล็ดผักสลัดลงไปในดิน
  4. รดน้ำให้ชุ่ม
  5. ดูแลรักษาด้วยการรดน้ำอย่างสม่ำเสมอ
  6. การเก็บเกี่ยวผักสลัด
  7. ผักสลัดสามารถเก็บเกี่ยวได้เมื่ออายุประมาณ 30-45 วัน
พืชผักสวนครัว

พริก

พริก เป็นพืชผักสมุนไพรที่มีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกา มีความนิยม ปลูกพริก กันทั่วโลก ในประเทศไทยนิยมรับประทานกันมาตั้งแต่โบราณ มีการปลูกหลายสายพันธุ์ มีประโยชน์และสรรพคุณทางยาหลายอย่าง พริกมีวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด เช่น วิตามินซี วิตามินเอ แคโรทีน โพแทสเซียม เป็นต้น มีสรรพคุณทางยาหลายอย่าง

วิธีการเพาะพริก

  1. เตรียมดิน โดยไถพรวนดินให้ร่วนซุย ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก อัตราส่วน 2:1
  2. เตรียมหลุมปลูก ขนาดหลุมประมาณ 30x30x30 ซม.
  3. ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก ลงในหลุมปลูก
  4. นำต้นกล้าพริกลงปลูกในหลุมปลูก กลบดินให้มิดต้นกล้า
  5. รดน้ำให้ชุ่ม สม่ำเสมอ
  6. ปลูกในที่ที่มีแสงแดดส่องถึงอย่างน้อย 6 ชั่วโมงต่อวัน
  7. พริกจะเริ่มให้ผลผลิตเมื่ออายุประมาณ 2-3 เดือน
พืชผักสวนครัว

ผักบุ้ง

ผักบุ้ง เป็นผักใบเขียวชนิดหนึ่ง อยู่ในวงศ์ผักบุ้งพบทั่วไปในเขตร้อน และเป็นผักที่คนนิยม ปลูกผักบุ้ง เพื่อสร้างรายได้ และยังนิยมมารับประทานกันในท้องถิ่น เช่น ไทย เวียดนาม กัมพูชา มาเลเซีย และกานา นิยมรับประทานเป็นอาหาร ผักบุ้งเป็นผักที่อุดมไปด้วยคุณค่าสารอาหาร ประกอบด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่สำคัญต่อร่างกาย

วิธีการเพาะผักบุ้ง

  1. เตรียมดิน โดยผสมดินร่วนปนทรายกับปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักในอัตราส่วน 1:1
  2. ใส่ดินลงในกระบะหรือกระถางปลูกให้เต็ม
  3. นำเมล็ดผักบุ้งแช่น้ำไว้ 1 คืน
  4. โรยเมล็ดผักบุ้งลงบนดิน โดยเว้นระยะห่างประมาณ 1-2 เซนติเมตร
  5. กลบดินบางๆ ด้วยมือ
  6. รดน้ำให้สม่ำเสมอ อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น
  7. ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักเดือนละ 1 ครั้ง
  8. กำจัดวัชพืชที่ขึ้นบริเวณแปลงปลูก
  9. เก็บเกี่ยวได้เมื่อผักบุ้งมีอายุประมาณ 20-25 วัน
กะเพรา

หอมแบ่ง

หอมแบ่ง หรือ ต้นหอม เป็นผักที่รับประทานส่วนของใบ มีลักษณะเป็นลำต้นกลมกลวงด้านใน ปลายเรียวแหลม ตั้งอยู่บนฐานของหัว (Bulb) รอบๆ ลำต้น บริเวณโคนมีกาบใบสีขาวหุ้มลำต้น สามารถ ปลูกหอมแบ่ง ได้ทั้งในฤดูฝน ฤดูหนาว และฤดูร้อน แต่ฤดูที่เหมาะสมที่สุดคือฤดูร้อน เพราะอากาศร้อนและแห้ง จะทำให้หอมแบ่งเจริญเติบโตได้ดี เก็บเกี่ยวได้เร็ว และมีคุณภาพดี การปลูกหอมแบ่งเป็นอาชีพเสริมที่น่าสนใจ เพราะปลูกง่าย ดูแลไม่ยาก และตลาดมีความต้องการสูง

วิธีการเพาะหอมแบ่ง

  1. เตรียมดินร่วนปนทราย โดยผสมปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกลงไปประมาณ 1/3 ของปริมาณดินทั้งหมด
  2. นำหัวหอมแบ่งมาล้างทำความสะอาดให้หมดคราบดินและเศษใบ
  3. ตัดรากออกบางส่วน ตัดบริเวณส่วนยอดของหัวหอมแบ่งออกเพื่อให้เกิดการแตกหน่อที่รวดเร็วมากขึ้น
  4. ทิ้งไว้ประมาณ 2-3 วัน เมื่อมีการแตกหน่อออกมาจึงนำไปปลูกลงแปลงต่อไป
  5. ปลูกหัวหอมแบ่งลงกระถางหรือแปลงปลูก โดยเว้นระยะห่างระหว่างต้น 2 นิ้ว
  6. รดน้ำให้ชุ่มสม่ำเสมอ เช้าเย็น
  7. ใส่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกประมาณ 1-2 ครั้งต่อเดือน
  8. กำจัดวัชพืช
  9. สามารถเก็บเกี่ยวได้ประมาณ 60-70 วันหลังปลูก
พืชผักสวนครัว

ขึ้นฉ่าย

ขึ้นฉ่าย เป็น พืชผักสวนครัว ล้มลุกชอบพื้นที่ลุ่ม อยู่ในวงศ์ Apiaceae เป็นผักและสมุนไพรที่มีกลิ่นหอม นิยมใช้ในการปรุงอาหารที่ต้องการดับกลิ่นคาว หรือเพิ่มความหอมของน้ำซุป หรือ นำไปผัดเพื่อดับคาวปลา ขึ้นฉ่ายมีลำต้นและใบหลากหลายตามพันธุ์ปลูก เมล็ดขึ้นฉ่ายยังใช้เป็นเครื่องเทศและมีการใช้สารสกัดในยาสมุนไพรอีกด้วย

วิธีการเพาะขึ้นฉ่าย

  1. เตรียมดินปลูก โดยผสมดินร่วนปนทราย แกลบดำ และปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักในอัตราส่วน 2:1:1 คลุกเคล้าให้เข้ากัน
  2. รองก้นภาชนะเพาะด้วยกาบมะพร้าวสับ เพื่อช่วยให้ระบายน้ำได้ดี
  3. เทดินปลูกลงไปในภาชนะเพาะ เกลี่ยให้เสมอกัน
  4. หยอดเมล็ดพันธุ์ขึ้นฉ่ายลงบนดินปลูก หลุมละ 2-4 เมล็ด
  5. กลบเมล็ดพันธุ์ด้วยดินร่วนบางๆ รดน้ำให้ชุ่ม
  6. วางภาชนะเพาะในที่ร่มที่มีแสงแดดส่องถึงเล็กน้อย
  7. เมื่อต้นกล้าขึ้นสูงประมาณ 5-7 เซนติเมตร ให้ย้ายลงปลูกในกระถางหรือแปลงปลูก
  8. รดน้ำให้ชุ่มอย่างสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงการรดน้ำที่ใบ
  9. ใส่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกเสริมทุกๆ 2-3 สัปดาห์
  10. ตัดแต่งใบแก่ออกเพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโตของใบใหม่
  11. สามารถเก็บเกี่ยวใบขึ้นฉ่ายได้เมื่อต้นสูงประมาณ 20-30 เซนติเมตร
กะเพรา

กะเพรา

กะเพรา หรือใบกะเพรามีกลิ่นหอม มีรสเผ็ดร้อน นิยมนำมาประกอบอาหาร และใบกะเพรามีสรรพคุณทางยา เช่น แก้ท้องอืด แก้ท้องเฟ้อ แก้ท้องเสีย ขับลม และเป็นพืชไม้ล้มลุก แตกกิ่งก้านสาขา สูง 60-120 เซนติเมตร นิยมนำใบมาประกอบอาหารคือ ผัดกะเพรา กะเพรามี 3 พันธุ์ คือ กะเพราแดง กะเพราขาว และ กะเพราลูกผสมระหว่างกะเพราแดงและกะเพราขาว

วิธีการเพาะกะเพรา

  1. เตรียมดินร่วนปนทราย ใส่ลงในกระถางหรือถาดเพาะให้เต็ม
  2. หว่านเมล็ดกะเพราให้ทั่วแปลง
  3. กลบเมล็ดด้วยฟางหรือปุ๋ยคอกบางๆ
  4. รดน้ำให้ชุ่ม
  5. วางกระถางหรือถาดเพาะไว้ในที่ร่ม
  6. รดน้ำให้ชุ่มทุกวัน ใส่ปุ๋ยคอก หมัก เดือนละครั้ง
  7. สามารถเก็บเกี่ยวเมื่อมีอายุประมาณ 30-45 วัน
กะเพรา

ผักชี

ผักชี เป็นผักสวนครัวชนิดหนึ่งที่ปลูกง่าย และทำกำไรได้ดี เหมาะสำหรับนักปลูกมือใหม่หรือใครที่สนใจอยากเริ่มต้นปลูกผักสร้างรายได้ ผักชีเป็นผักที่มีสรรพคุณทางยาหลายอย่าง เช่น ช่วยย่อย บำรุงกระเพาะ ขับลมพิษ ลดน้ำตาลในเลือด ขับลม เป็นต้น ผักชียังสามารถนำมาประกอบอาหารได้หลายอย่าง เช่น แกงจืด แกงพะแนง ยำ ลาบ เป็นต้น

วิธีการเพาะผักชี

  1. เตรียมดิน ดินที่ปลูกผักชีควรเป็นดินร่วนปนทรายที่ระบายน้ำได้ดี 
  2. ผสมปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักลงไปเล็กน้อยเพื่อเพิ่มธาตุอาหารให้กับดิน
  3. แช่เมล็ดผักชี แช่เมล็ดผักชีในน้ำอุ่นประมาณ 15 นาที จะช่วยให้เมล็ดงอกเร็วขึ้น
  4. นำเมล็ดผักชีที่แช่น้ำแล้วมาโรยลงในกระถาง หลุมละ 2-3 เมล็ด กลบดินทับเล็กน้อย 
  5. รดน้ำผักชีวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น ในช่วงเช้าให้รดน้ำให้ชุ่มและในช่วงเย็นให้รดน้ำพอเปียก 
  6. ผักชีจะใช้เวลาประมาณ 5-7 วัน เมล็ดจะงอก 
  7. สามารถเก็บเกี่ยวเมื่อมีอายุ 10-15 วัน
คะน้า

คะน้า

คะน้า เป็นพืชผักใบเขียวที่นิยม เป็นผักอายุ 2 ปี ผักคะน้าสามารถปลูกได้ตลอดปี แต่เวลาที่ปลูกได้ผลดีที่สุดในช่วงเดือนตุลาคมถึงเมษายน ผักคะน้ามีคุณค่าทางโภชนาการสูง มีวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด ผักคะน้าช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรง ผักคะน้านิยมนำมาประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู เช่น ผัดคะน้า แกงจืดคะน้าหมูสับ คะน้าผัดน้ำมันหอย เป็นต้น

วิธีการเพาะคะน้า

  1. เตรียมแปลงปลูกโดยการไถพรวนดินให้ร่วนซุย
  2. ผสมดินกับปุ๋ยหมักในอัตราส่วน 1:1
  3. ยกร่องแปลงปลูกให้สูงประมาณ 10 ซม.
  4. หยอดเมล็ดพันธุ์คะน้าลงไป 1-3 เมล็ด/หลุม
  5. กลบดินให้มิด
  6. รดน้ำให้ชุ่ม
  7. สามารถเก็บเกี่ยวได้เมื่ออายุประมาณ 45-55 วัน
เห็ดนางฟ้า

เห็ดนางฟ้า

เห็ดนางฟ้า เป็นเห็ดที่ปลูกง่ายและนิยม ปลูกเห็ดนางฟ้า กันมากในประเทศไทย เห็ดนางฟ้ามี 2 ชนิด คือ เห็ดนางฟ้าอินเดีย และเห็ดนางฟ้าภูฏาน โดยเห็ดนางฟ้าภูฏานนิยมปลูกเพื่อการค้า เนื่องจากออกดอกเร็ว สามารถให้ผลผลิตได้อย่างต่อเนื่อง และขายได้ราคาดี

วิธีการเพาะเห็ดนางฟ้า

  1. เตรียมโรงเรือนหรือพื้นที่เพาะเห็ด
  2. เตรียมก้อนเชื้อเห็ดนางฟ้า
  3. วางก้อนเชื้อเห็ดนางฟ้า เว้นระยะห่างประมาณ 10-15 เซนติเมตร
  4. ให้น้ำก้อนเชื้อเห็ดนางฟ้าวันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น โดยฉีดพ่นน้ำให้ทั่วก้อนเห็ด
  5. สามารถเก็บเกี่ยวได้เมื่ออายุประมาณ 7-10 วัน

Follow : https://GardenerEasy.com

อ่านบทความเพิ่มเติม : แปลงผักสวนครัว